ปัจจุบัน มีกล้องเว็บแคมวางขายอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ
ถ้าคุณผู้อ่านไม่มีหลักในการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ก็อาจจะถึงขั้นมึนตึ๊บ
ตัดสินใจไม่ถูกไปเลยก็ได้
ปัจจัยอย่างแรกก็คือราคา
เว็บแคมราคาถูกย่อมเรียกความสนใจจากผู้ซื้ออย่างเราได้มากอยู่แล้ว
แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปครับ เพราะนอกจากราคาแล้ว
ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราต้องคิดหนักเหมือนกัน
เพราะว่ากล้องเว็บแคมราคาถูกหรือแพงบางรุ่นนั้นอาจจะเหมือนกันเลยก็ได้
เพียงแต่ให้อุปกรณ์มาแตกต่างกัน เช่น กล้องยี่ห้อ A ทำรุ่น X กับรุ่น Y
ออกมา แต่ปรากฏว่าหน้าตากล้องต่างกันเล็กน้อย ส่วนราคานั้นต่างกันครึ่ง ๆ
ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้องราคาแพงกว่าจะดีกว่าเสมอไป
เพราะว่าตัวกล้องอาจจะไม่แตกต่างกันเลยก็ได้
แต่ความแตกต่างอยู่ที่อุปกรณ์เสริมที่ให้มาเช่นไมโครโฟน และซอฟต์แวร์
และเจ้าซอฟต์แวร์ที่ให้มานี่เองที่อาจจะเป็นตัวทำให้ราคาอุปกรณ์ทั้งชุดสูง
ขึ้นก็ได้
มาดูที่ตัวกล้อง
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ
คือดูว่าชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้ในตัวกล้องนั้นเป็นแบบใด
โดยมากกล้องเว็บแคมในท้องตลาดจะใช้เซ็นเซอร์แบบเดียวกันหมด คือแบบ “CMOS”
ซึ่งให้คุณภาพของภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาสูง
บางรุ่นเริ่มหันไปใช้เซ็นเซอร์แบบ CCD กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเซ็นเซอร์แบบ
CCD นั้นให้ความคมชัดมากกว่า และยังไวต่อแสงมากกว่าอีกด้วย
(สามารถมองเห็นภาพได้ชัด แม้จะตั้งกล้องเอาไว้ในที่ที่มีแสงสว่างไม่มาก)
ลองมาดูเฉพาะเซ็นเซอร์แบบ CMOS กันอย่างเดียวก่อนครับ
เซ็นเซอร์นี้มีความสำคัญสูงมาก
เพราะว่าเป็นหน่วยรับแสงและนำมาประมวลผลต่อเพื่อสร้างภาพขึ้นมาบนจอภาพ
หากหน่วยรับแสงทำงานได้ไม่ดีแล้ว คุณภาพก็คงไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่
ปกติแล้วกล้องมักจะใช้เซ็นเซอร์ CMOS ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 640X480
พิกเซล ซึ่งถือเป็นความละเอียดมาตรฐานที่กล้องเว็บแคมควรจะทำได้
แต่ในปัจจุบันก็ยังมีการผลิต กล้องเว็บแคมที่มีฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติม
ซึ่งกล้องเว็บแคมกลุ่มนี้อาจจะมีความละเอียดสูงถึง 1.3ล้านพิกเซล
หรือว่าขนาด 1280X1024 พิกเซลเลยทีเดียว
เลนส์ที่ใช้ ก็สำคัญ
ก่อนที่ภาพจะตกกระทบกับฉากรับหรือว่า CMOS
เซ็นเซอร์นั้นจะต้องผ่านเลนส์เสียก่อน ตัวเลนส์จะดีหรือไม่นั้น
บอกได้เลยครับว่ายูสเซอร์ระดับเรานั้นไม่มีโอกาสดูออก
แต่สิ่งที่เห็นความแตกต่างกันได้ชัดก็คือเลนส์ที่ใช้มีขนาดเท่าใด
บางตัวอาจจะใช้เลนส์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว
แต่บางตัวใช้เลนส์ขนาดใหญ่ครึ่งนิ้ว
แน่นอนว่าเลนส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบในเรื่องภาพอยู่บ้างเหมือนกัน
นอกจากนั้นแล้ว
ถ้าหากสามารถปรับโฟกัสได้เองแล้วก็ยังสามารถกำหนดระยะชัดของภาพได้อีกด้วย
ซึ่งกล้องเว็บแคมที่ไม่สามารถปรับระยะโฟกัสที่หน้าเลนส์ได้นั้น
จะเป็นเลนส์แบบ Focus Free ซึ่งมีการกำหนดระยะโฟกัสเอาไว้แล้ว
แต่โอกาสผิดเพี้ยนก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะน้อยมากก็ตาม
ซึ่งถ้าผิดเพี้ยนแล้วเราก็จะไม่สามารถปรับโฟกัสให้ชัดดังเดิมได้อีก
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือความไวของตัวกล้องในการจับภาพ
ซึ่งถ้าเป็นกล้องรุ่นเก่าๆ
บางรุ่นมีความเร็วในการบันทึกภาพหรือเฟรมเรตอยู่ที่ 15 ภาพต่อวินาที (fps)
ซึ่งอาจจะยังช้าไป แต่ส่วนใหญ่แล้วกล้องในปัจจุบันมักจะรองรับการทำงานที่
30 fps กันทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็เพียงพอที่จะจับภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ
รูปลักษณ์ น่าใช้แค่ไหน
นอกจากนั้นแล้ว ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้กล้องแต่ละตัวมีความแตกต่างกันก็คือ
การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสวยงามเข้ากับคอมพิวเตอร์
หรือการวางตำแหน่งจุดยึดให้มั่นคงแข็งแรง บางรุ่นอาจจะวางไว้เฉยๆ
ซึ่งก็เสี่ยงต่อการตกหล่นได้ง่าย
แต่บางรุ่นก็ให้แท่นยึดที่ค่อนข้างมั่นคงแข็งแรงมาก
และยังอาจจะมีปุ่มกดที่ออกแบบมาสำหรับการแคปเจอร์รูปได้ทันทีโดยไม่ต้อง
คลิ้กจากจอภาพทำให้สามารถบันทึกภาพได้สะดวกรวดเร็วตามที่ต้องการเลยทีเดียว
แต่ยังไม่หมดเท่านั้น
เพราะว่ากล้องเว็บแคมบางรุ่นยังพวกท้ายมาด้วยความสามารถอื่น ๆ
เช่นมีชุดสื่อสารไร้สายที่สามารถนำไปติดแยกเอาไว้ไกลจากคอมพิวเตอร์ของเรา
ได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าราคาแพงกว่ากล้องรุ่นปกติไม่น้อยเลยทีเดียว
และอาจจะสามารถถอดออกจากแท่นที่วางไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้อีกด้วย
ซึ่งความละเอียดที่สามารถนำไปใช้บันทึกภาพได้นั้นมีตั้งแต่ 3 แสนพิกเซล
ไปจนถึง 1.3 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว
แต่สำหรับกล้องรุ่นที่ถอดไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้นั้น
จะต้องดูก่อนว่ามีหน่วยความจำมาให้เท่าใด
เพื่อคำนวณหาว่าตัวกล้องจะเก็บภาพได้สูงสุดกี่ภาพ
หรือถ่ายคลิปวิดีโอได้ยาวนานเพียงใด
เพราะกล้องเว็บแคมที่มีความสามารถขนาดนี้มักจะไม่สามารถถอดเปลี่ยนหรือใส่
การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเข้าไปได้
สุดท้ายก็คือซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยกันครับ
อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นแล้วว่าราคากล้องส่วนหนึ่งมาจากซอฟต์แวร์ที่ให้มา
ด้วยนี่ละครับ ถ้าหากเราใช้เพียงแค่ Netmeeting เพื่อพูดคุยเท่านั้น
ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องที่ให้ซอฟต์แวร์อื่นๆ มาด้วย
แต่อย่าลืมว่าซอฟต์แวร์ที่ให้มานั้นบางตัวมีความสามารถสูงเกินราคากล้องเลย
ทีเดียว
แต่เมื่อขายมาพร้อมกับกล้องก็จะมีราคาถูกกว่าที่เราจะไปซื้อแยกต่างหาก เช่น
ซอฟต์แวร์ จากค่าย Real
ที่แถมมาให้ด้วยกันนั้นหากซื้อแยกบางครั้งอาจจะมีราคาเทียบเท่ากับซื้อกล้อง
เว็บแคมเลยก็ได้ หรือในส่วนของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยต่าง ๆ
ที่ผมได้กล่าวไปในตอนต้น เช่น Webcam Watchdog, VideoSpy หรือ Watcher
นั้นกล้องบางรุ่นอาจจะแถมซอฟต์แวร์ประเภทนี้มาให้ด้วยเลย
แม้ว่าจะไม่ใช้ซอฟต์แวร์ที่กล่าวมาก็ตาม
แต่ก็สามารถทำงานได้ไม่แตกต่างกันมากนัก
ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อที่เราควรพิจารณา
แต่ผมเชื่ออยู่สิ่งหนึ่งว่า
ปัจจัยหลักที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อก็คือปัจจัยในเรื่องราคามากกว่าส่วนอื่นๆ
ทั้งหมด
ทิปจาก www.arip.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น