วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จะซื้อ Webcam สักตัว ต้องดูอะไรบ้าง

    ปัจจุบัน มีกล้องเว็บแคมวางขายอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ถ้าคุณผู้อ่านไม่มีหลักในการเลือกซื้อที่ถูกต้องแล้ว ก็อาจจะถึงขั้นมึนตึ๊บ ตัดสินใจไม่ถูกไปเลยก็ได้
ปัจจัยอย่างแรกก็คือราคา
เว็บแคมราคาถูกย่อมเรียกความสนใจจากผู้ซื้ออย่างเราได้มากอยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปครับ เพราะนอกจากราคาแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะว่ากล้องเว็บแคมราคาถูกหรือแพงบางรุ่นนั้นอาจจะเหมือนกันเลยก็ได้ เพียงแต่ให้อุปกรณ์มาแตกต่างกัน เช่น กล้องยี่ห้อ A ทำรุ่น X กับรุ่น Y ออกมา แต่ปรากฏว่าหน้าตากล้องต่างกันเล็กน้อย ส่วนราคานั้นต่างกันครึ่ง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้องราคาแพงกว่าจะดีกว่าเสมอไป เพราะว่าตัวกล้องอาจจะไม่แตกต่างกันเลยก็ได้ แต่ความแตกต่างอยู่ที่อุปกรณ์เสริมที่ให้มาเช่นไมโครโฟน และซอฟต์แวร์ และเจ้าซอฟต์แวร์ที่ให้มานี่เองที่อาจจะเป็นตัวทำให้ราคาอุปกรณ์ทั้งชุดสูง ขึ้นก็ได้

มาดูที่ตัวกล้อง
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ คือดูว่าชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้ในตัวกล้องนั้นเป็นแบบใด โดยมากกล้องเว็บแคมในท้องตลาดจะใช้เซ็นเซอร์แบบเดียวกันหมด คือแบบ “CMOS” ซึ่งให้คุณภาพของภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาสูง บางรุ่นเริ่มหันไปใช้เซ็นเซอร์แบบ CCD กันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเซ็นเซอร์แบบ CCD นั้นให้ความคมชัดมากกว่า และยังไวต่อแสงมากกว่าอีกด้วย (สามารถมองเห็นภาพได้ชัด แม้จะตั้งกล้องเอาไว้ในที่ที่มีแสงสว่างไม่มาก) ลองมาดูเฉพาะเซ็นเซอร์แบบ CMOS กันอย่างเดียวก่อนครับ เซ็นเซอร์นี้มีความสำคัญสูงมาก เพราะว่าเป็นหน่วยรับแสงและนำมาประมวลผลต่อเพื่อสร้างภาพขึ้นมาบนจอภาพ หากหน่วยรับแสงทำงานได้ไม่ดีแล้ว คุณภาพก็คงไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วกล้องมักจะใช้เซ็นเซอร์ CMOS ที่มีความละเอียดอยู่ที่ 640X480 พิกเซล ซึ่งถือเป็นความละเอียดมาตรฐานที่กล้องเว็บแคมควรจะทำได้ แต่ในปัจจุบันก็ยังมีการผลิต กล้องเว็บแคมที่มีฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติม ซึ่งกล้องเว็บแคมกลุ่มนี้อาจจะมีความละเอียดสูงถึง 1.3ล้านพิกเซล หรือว่าขนาด 1280X1024 พิกเซลเลยทีเดียว

เลนส์ที่ใช้ ก็สำคัญ
ก่อนที่ภาพจะตกกระทบกับฉากรับหรือว่า CMOS เซ็นเซอร์นั้นจะต้องผ่านเลนส์เสียก่อน ตัวเลนส์จะดีหรือไม่นั้น บอกได้เลยครับว่ายูสเซอร์ระดับเรานั้นไม่มีโอกาสดูออก แต่สิ่งที่เห็นความแตกต่างกันได้ชัดก็คือเลนส์ที่ใช้มีขนาดเท่าใด บางตัวอาจจะใช้เลนส์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว แต่บางตัวใช้เลนส์ขนาดใหญ่ครึ่งนิ้ว แน่นอนว่าเลนส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบในเรื่องภาพอยู่บ้างเหมือนกัน นอกจากนั้นแล้ว ถ้าหากสามารถปรับโฟกัสได้เองแล้วก็ยังสามารถกำหนดระยะชัดของภาพได้อีกด้วย ซึ่งกล้องเว็บแคมที่ไม่สามารถปรับระยะโฟกัสที่หน้าเลนส์ได้นั้น จะเป็นเลนส์แบบ Focus Free ซึ่งมีการกำหนดระยะโฟกัสเอาไว้แล้ว แต่โอกาสผิดเพี้ยนก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะน้อยมากก็ตาม ซึ่งถ้าผิดเพี้ยนแล้วเราก็จะไม่สามารถปรับโฟกัสให้ชัดดังเดิมได้อีก อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือความไวของตัวกล้องในการจับภาพ ซึ่งถ้าเป็นกล้องรุ่นเก่าๆ บางรุ่นมีความเร็วในการบันทึกภาพหรือเฟรมเรตอยู่ที่ 15 ภาพต่อวินาที (fps) ซึ่งอาจจะยังช้าไป แต่ส่วนใหญ่แล้วกล้องในปัจจุบันมักจะรองรับการทำงานที่ 30 fps กันทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็เพียงพอที่จะจับภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ
รูปลักษณ์ น่าใช้แค่ไหน

นอกจากนั้นแล้ว ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้กล้องแต่ละตัวมีความแตกต่างกันก็คือ การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูสวยงามเข้ากับคอมพิวเตอร์ หรือการวางตำแหน่งจุดยึดให้มั่นคงแข็งแรง บางรุ่นอาจจะวางไว้เฉยๆ ซึ่งก็เสี่ยงต่อการตกหล่นได้ง่าย แต่บางรุ่นก็ให้แท่นยึดที่ค่อนข้างมั่นคงแข็งแรงมาก และยังอาจจะมีปุ่มกดที่ออกแบบมาสำหรับการแคปเจอร์รูปได้ทันทีโดยไม่ต้อง คลิ้กจากจอภาพทำให้สามารถบันทึกภาพได้สะดวกรวดเร็วตามที่ต้องการเลยทีเดียว แต่ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะว่ากล้องเว็บแคมบางรุ่นยังพวกท้ายมาด้วยความสามารถอื่น ๆ เช่นมีชุดสื่อสารไร้สายที่สามารถนำไปติดแยกเอาไว้ไกลจากคอมพิวเตอร์ของเรา ได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าราคาแพงกว่ากล้องรุ่นปกติไม่น้อยเลยทีเดียว และอาจจะสามารถถอดออกจากแท่นที่วางไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้อีกด้วย ซึ่งความละเอียดที่สามารถนำไปใช้บันทึกภาพได้นั้นมีตั้งแต่ 3 แสนพิกเซล ไปจนถึง 1.3 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว แต่สำหรับกล้องรุ่นที่ถอดไปใช้แทนกล้องดิจิตอลได้นั้น จะต้องดูก่อนว่ามีหน่วยความจำมาให้เท่าใด เพื่อคำนวณหาว่าตัวกล้องจะเก็บภาพได้สูงสุดกี่ภาพ หรือถ่ายคลิปวิดีโอได้ยาวนานเพียงใด เพราะกล้องเว็บแคมที่มีความสามารถขนาดนี้มักจะไม่สามารถถอดเปลี่ยนหรือใส่ การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเข้าไปได้

สุดท้ายก็คือซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ที่ให้มาด้วยกันครับ อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นแล้วว่าราคากล้องส่วนหนึ่งมาจากซอฟต์แวร์ที่ให้มา ด้วยนี่ละครับ ถ้าหากเราใช้เพียงแค่ Netmeeting เพื่อพูดคุยเท่านั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องที่ให้ซอฟต์แวร์อื่นๆ มาด้วย แต่อย่าลืมว่าซอฟต์แวร์ที่ให้มานั้นบางตัวมีความสามารถสูงเกินราคากล้องเลย ทีเดียว แต่เมื่อขายมาพร้อมกับกล้องก็จะมีราคาถูกกว่าที่เราจะไปซื้อแยกต่างหาก เช่น ซอฟต์แวร์ จากค่าย Real ที่แถมมาให้ด้วยกันนั้นหากซื้อแยกบางครั้งอาจจะมีราคาเทียบเท่ากับซื้อกล้อง เว็บแคมเลยก็ได้ หรือในส่วนของซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ผมได้กล่าวไปในตอนต้น เช่น Webcam Watchdog, VideoSpy หรือ Watcher นั้นกล้องบางรุ่นอาจจะแถมซอฟต์แวร์ประเภทนี้มาให้ด้วยเลย แม้ว่าจะไม่ใช้ซอฟต์แวร์ที่กล่าวมาก็ตาม แต่ก็สามารถทำงานได้ไม่แตกต่างกันมากนัก

ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อที่เราควรพิจารณา แต่ผมเชื่ออยู่สิ่งหนึ่งว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อก็คือปัจจัยในเรื่องราคามากกว่าส่วนอื่นๆ ทั้งหมด

ทิปจาก www.arip.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น