สินเชื่อหรือเครดิตมีหลายหลายรูปแบบในประเทศไทย
นอกเหนือจากบัตรเครดิตที่ช่วยให้ผู้ถือบัตรมีความยืดหยุ่น
และคล่องตัวในการใช้เงินสูงสุดแล้วก็ยังมีบัตรเครดิตอีกหลายประเภท อาทิ
บัตรเพื่อการกู้ยืมสำหรับนักเรียนการกู้เพื่อวันพักผ่อน
การกู้เพื่อซื้อบ้านหรือการจำนองแม้ว่าบัตรเครดิตเหล่านี้จะมีเงื่อนไขที่
แตกต่างกันออกไป แต่มีลักษณะพิเศษร่วมกันบางประการ เช่น
ช่วยให้เราคงรูปแบบการใช้ชีวิตตามความปรารถนาได้
โดยไม่ต้องจ่ายเงินครั้งละมากๆ
ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ผู้ใช้บัตรได้รับประโยชน์
ความปลอดภัย และความสะดวก
ในทางกลับกัน การใช้บัตรเครดิตอย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้คุณตกอยู่ในความเดือดร้อน
มี
หลายกรณีที่ผลของการใช้บัตรเครดิตกลายเป็นภาระหนักทางการเงินของคุณ
แทนที่จะช่วยส่งเสริมการเงินส่วนตัวของคุณ แนวทางต่อไปนี้เป็นวิธี
การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด
และการล่วงรู้สัญญาณอันตรายจากการใช้เครดิตอย่างไม่เหมาะสม
ผู้
บริโภคที่เฉลียวฉลาดจะใช้เครดิตเพื่อส่งเสริมการใช้เงิน
มากกว่าการทำให้กลายเป็นภาระทางการเงินลองพิจารณาแนวทางอันชาญฉลาดในการใช้
บัตรเครดิตดังนี้
- จัดทำงบค่าใช้จ่ายประจำเดือน โดยแบ่งออกเป็น 2
คอลัมน์ คอลัมน์แรกเขียนรายการค่าใช้จ่ายและคอลัมน์ที่สอง
เขียนรายได้หลังหักภาษี เมื่อคุณนำค่าใช้จ่ายมาเปรียบเทียบกับรายได้
คุณจะเห็นทันทีว่าคุณเป็นหนี้เท่าไร และคุณสามารถรับภาระได้หรือไม่
ขั้นตอนนั้นนับว่ามีความสำคัญมาก
- วิธีการที่ดีที่สุดในการสร้างกรอบ
ให้ตัวเอง
คือการยืมเงินหรือใช้จ่ายเงินล่วงหน้าภายในวงเงินที่คุณสามารถใช้คืนได้
พิจารณาว่าคุณสามารถใช้เงินในจำนวนเท่าไร
แล้วค่อยใช้เครดิตตามจำนวนนั้นแทนการนั่งคำนวณว่าคุณจะได้รับเครดิตเท่าไร
- กฎทั่วไป คือ คุณควรจะจำกัดยอดการกู้ยืมเงินไว้ที่ 20% ของรายได้หลังหักภาษี
- ควรจำกัดตัวเองด้วยการใช้บัตรเพียงใบเดียว เช่น บัตรเครดิตของห้างสรรพสินค้าที่คุณชอบ หรือบัตรสถานีบริการน้ำมัน
- ควรแน่ใจว่า ในการชำระเงินที่กู้ยืมมานั้น คุณไม่ต้องจ่ายค่าปรับ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นในการชำระเงินเวลาใดก็ได้
- อย่า
คิดเอาเองว่าคุณได้รับอนุญาตให้กู้ยืม
ดังนั้นคุณจึงพร้อมแล้วที่จะใช้เครดิตให้มากกว่ายิ่งขึ้น
หากคุณมีเป้าหมายที่จะควบคุมการเงินของคุณ
ควรแน่ใจว่าการเงินของคุณมีเสถียรภาพเพียงพอก่อนการยอมรับเงื่อนไขต่างๆ
เพิ่มเติม
- ควรอ่านรายละเอียดต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เพราะมีข้อแตกต่างมากมายระหว่างผู้ออกเครดิต และเงื่อนไขการจ่ายคืน
- ปรึกษา
คู่สมรสหรือสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในภาระหนี้สิน
ควรหาข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
การทำเช่นนี้จะช่วยไม่ให้เกิดการใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น หรือการใช้เงิน
อย่างไม่สมเหตุผล อีกทั้งช่วยสร้างความมั่นใจว่าผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทุกคน
เต็มใจทำตามข้อตกลง
- ควรคิดเสมอว่าการเซ็นชื่อร่วมกันถือเป็นสัญญา
ถ้าผู้ทำสัญญาไม่อาจชำระหนี้ได้ คุณจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
แต่เพียงผู้เดียว
ดังนั้นก่อนเซ็นชื่อควรแน่ใจว่าอีกฝ่ายมีความรับผิดชอบอย่างจริงจัง
และพิจารณาว่าคุณ สามารถจัดการกับหนี้สินต่างๆ
ได้หากคุณต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
- หากคุณเป็นนักชอปปิ้งด้วยที่ไม่อาจ
ห้ามใจตัวเองได้ และมักทำผิดเงื่อนไขการกู้ยืมเป็นเวลาติดต่อกันยาวนาน
คุณยังไม่ควรใช้บัตรเครดิตจนกว่าคุณจะสามารถใช้เงินภายในวงเงินที่มีอยู่ได
้
- ให้
บัตรเครดิตเป็นเพื่อนร่วมทางที่คุณวางใจได้
ไม่มีใครต้องการเผชิญกับภาวะเงินขาดมือในขณะอยู่ต่างประเทศแต่ถ้าคุณมีบัตร
เครดิตที่ใช้ได้ทั่วโลกสักใบ ฝันร้ายนี้ย่อมจะไม่เกิดขึ้น
หากละเลย
การชำระหนี้หรือแย่กว่านั้น คือ คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้
กลายเป็นบุคคลล้มละลาย โดยถือว่าเป็น "ทางออก" ในการแก้ปัญหาภาระหนี้
สิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายเครดิตของคุณอย่างมหันต์ เนื่องจากจะมีผลต่อ
การกู้ยืมหรือขอบัตรเครดิตในอนาคต ทางออกก็คือคุณต้องสู้ความจริง
โดยการอธิบายกับสถานบันการเงินของ คุณว่า
ต้องการความช่วยเหลือในด้านการจัดตารางการชำระหนี้ใหม่
ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่จะช่วยคุณคิดหาเงื่อนไขที่คุณสามารถทำได้
ที่มา; หนังสือการเงินสำหรับครอบครัว 2540
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น