วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ใช้บัตรเครดิตอย่างฉลาด

สินเชื่อหรือเครดิตมีหลายหลายรูปแบบในประเทศไทย นอกเหนือจากบัตรเครดิตที่ช่วยให้ผู้ถือบัตรมีความยืดหยุ่น และคล่องตัวในการใช้เงินสูงสุดแล้วก็ยังมีบัตรเครดิตอีกหลายประเภท อาทิ บัตรเพื่อการกู้ยืมสำหรับนักเรียนการกู้เพื่อวันพักผ่อน การกู้เพื่อซื้อบ้านหรือการจำนองแม้ว่าบัตรเครดิตเหล่านี้จะมีเงื่อนไขที่ แตกต่างกันออกไป แต่มีลักษณะพิเศษร่วมกันบางประการ เช่น ช่วยให้เราคงรูปแบบการใช้ชีวิตตามความปรารถนาได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินครั้งละมากๆ ดังนั้นการใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ผู้ใช้บัตรได้รับประโยชน์ ความปลอดภัย และความสะดวก
ในทางกลับกัน การใช้บัตรเครดิตอย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้คุณตกอยู่ในความเดือดร้อน

มี หลายกรณีที่ผลของการใช้บัตรเครดิตกลายเป็นภาระหนักทางการเงินของคุณ แทนที่จะช่วยส่งเสริมการเงินส่วนตัวของคุณ แนวทางต่อไปนี้เป็นวิธี การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด และการล่วงรู้สัญญาณอันตรายจากการใช้เครดิตอย่างไม่เหมาะสม

ผู้ บริโภคที่เฉลียวฉลาดจะใช้เครดิตเพื่อส่งเสริมการใช้เงิน มากกว่าการทำให้กลายเป็นภาระทางการเงินลองพิจารณาแนวทางอันชาญฉลาดในการใช้ บัตรเครดิตดังนี้
- จัดทำงบค่าใช้จ่ายประจำเดือน โดยแบ่งออกเป็น 2 คอลัมน์ คอลัมน์แรกเขียนรายการค่าใช้จ่ายและคอลัมน์ที่สอง เขียนรายได้หลังหักภาษี เมื่อคุณนำค่าใช้จ่ายมาเปรียบเทียบกับรายได้ คุณจะเห็นทันทีว่าคุณเป็นหนี้เท่าไร และคุณสามารถรับภาระได้หรือไม่ ขั้นตอนนั้นนับว่ามีความสำคัญมาก
- วิธีการที่ดีที่สุดในการสร้างกรอบ ให้ตัวเอง คือการยืมเงินหรือใช้จ่ายเงินล่วงหน้าภายในวงเงินที่คุณสามารถใช้คืนได้ พิจารณาว่าคุณสามารถใช้เงินในจำนวนเท่าไร แล้วค่อยใช้เครดิตตามจำนวนนั้นแทนการนั่งคำนวณว่าคุณจะได้รับเครดิตเท่าไร
- กฎทั่วไป คือ คุณควรจะจำกัดยอดการกู้ยืมเงินไว้ที่ 20% ของรายได้หลังหักภาษี
- ควรจำกัดตัวเองด้วยการใช้บัตรเพียงใบเดียว เช่น บัตรเครดิตของห้างสรรพสินค้าที่คุณชอบ หรือบัตรสถานีบริการน้ำมัน
- ควรแน่ใจว่า ในการชำระเงินที่กู้ยืมมานั้น คุณไม่ต้องจ่ายค่าปรับ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นในการชำระเงินเวลาใดก็ได้
- อย่า คิดเอาเองว่าคุณได้รับอนุญาตให้กู้ยืม ดังนั้นคุณจึงพร้อมแล้วที่จะใช้เครดิตให้มากกว่ายิ่งขึ้น หากคุณมีเป้าหมายที่จะควบคุมการเงินของคุณ ควรแน่ใจว่าการเงินของคุณมีเสถียรภาพเพียงพอก่อนการยอมรับเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มเติม
- ควรอ่านรายละเอียดต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เพราะมีข้อแตกต่างมากมายระหว่างผู้ออกเครดิต และเงื่อนไขการจ่ายคืน
- ปรึกษา คู่สมรสหรือสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในภาระหนี้สิน ควรหาข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น การทำเช่นนี้จะช่วยไม่ให้เกิดการใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น หรือการใช้เงิน อย่างไม่สมเหตุผล อีกทั้งช่วยสร้างความมั่นใจว่าผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทุกคน เต็มใจทำตามข้อตกลง
- ควรคิดเสมอว่าการเซ็นชื่อร่วมกันถือเป็นสัญญา ถ้าผู้ทำสัญญาไม่อาจชำระหนี้ได้ คุณจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นก่อนเซ็นชื่อควรแน่ใจว่าอีกฝ่ายมีความรับผิดชอบอย่างจริงจัง และพิจารณาว่าคุณ สามารถจัดการกับหนี้สินต่างๆ ได้หากคุณต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
- หากคุณเป็นนักชอปปิ้งด้วยที่ไม่อาจ ห้ามใจตัวเองได้ และมักทำผิดเงื่อนไขการกู้ยืมเป็นเวลาติดต่อกันยาวนาน คุณยังไม่ควรใช้บัตรเครดิตจนกว่าคุณจะสามารถใช้เงินภายในวงเงินที่มีอยู่ได

- ให้ บัตรเครดิตเป็นเพื่อนร่วมทางที่คุณวางใจได้ ไม่มีใครต้องการเผชิญกับภาวะเงินขาดมือในขณะอยู่ต่างประเทศแต่ถ้าคุณมีบัตร เครดิตที่ใช้ได้ทั่วโลกสักใบ ฝันร้ายนี้ย่อมจะไม่เกิดขึ้น
หากละเลย การชำระหนี้หรือแย่กว่านั้น คือ คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ กลายเป็นบุคคลล้มละลาย โดยถือว่าเป็น "ทางออก" ในการแก้ปัญหาภาระหนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายเครดิตของคุณอย่างมหันต์ เนื่องจากจะมีผลต่อ การกู้ยืมหรือขอบัตรเครดิตในอนาคต ทางออกก็คือคุณต้องสู้ความจริง โดยการอธิบายกับสถานบันการเงินของ คุณว่า ต้องการความช่วยเหลือในด้านการจัดตารางการชำระหนี้ใหม่ ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่จะช่วยคุณคิดหาเงื่อนไขที่คุณสามารถทำได้

ที่มา; หนังสือการเงินสำหรับครอบครัว 2540

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น