วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์การแผ่เมตตาที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้มี 11 ประการได้แก่

ประโยชน์การแผ่เมตตาที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้มี 11 ประการได้แก่



1. หลับก็เป็นสุข



2. ตื่นก็เป็นสุข



3. ไม่ฝันร้าย



4. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย



5. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย



6. เทวดาทั้งหลายย่อมคุ้มครอง



7. แคล้วคลาดจากภยันอันตราย



8. จิตเป็นสมาธิได้ง่าย



9. สีหน้าย่อมผ่องใส



10. สิ้นใจอย่างสงบ (สู่สุคติภูมิ)



11. ถ้ายังไม่บรรลุคุณธรรมพิเศษที่สูงกว่า ย่อมเข้าถึงชั้นพรหม






การแผ่เมตตามี 2 อย่าง คือ



1. เจริญเมตตาจิต ด้วยเพียงการฝึก มองโลกในแง่ดี มีความปรารถนาดีต่อทุกสรรพสัตว์ สรรพชีวิตบรรดามีในโลก รักตัวเองเช่นไร ก็รักชีวิตอื่นให้มากเท่ากว่ารักชีวิตตนเองเช่นกัน ทำให้จิตรู้สึกเกิดความสุข เพราะมีแต่ความปรารถนาดี ทำให้ไม่สะดุ้งกลัวและไม่เป็นกังวล จิตเป็นสมาธิเร็ว



2. เจริญเมตตาฌาน ต้องอาศัยกำลังจิต โดยกำหนดจิตจนรวมเป็นเอกได้แล้ว จึงแผ่กระแสจิตนั้นให้เกิดความรัก ความปรารถนาดีต่อตนเองก่อน จากนั้นก็แผ่ให้กันคนที่เรารัก เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย สามี ภรรยา ลูก แล้วแผ่กระแสจิตที่มีความรัก ความปรารถนาดีนั้นไปตลอดโลก ให้เป็นอัปปมัญญา คือ ไม่มีประมาณ




ใน หนังสือ ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี ได้กล่าวถึงอานิสงส์แห่งการแผ่เมตตาไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม 3 อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา 1 ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ 1 หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า



ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องรู้จักคำว่า แผ่เมตตา คือต้องเข้าใจว่า ความวิเวกวังเวงแห่งการคิดนึกของเราแต่ละบุคคลนั้น มีกระแสแห่งธาตุไฟผสมอยู่ในจิตและวิญญาณกระจายออกไปเมื่อจิตของเรามี เจตนาบริสุทธิ์ เมื่อจิตของเราเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อนั้นเขาก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา เสมือนหนึ่งเราให้เขากินอาหาร คนที่กินอาหารนั้นย่อมคิดถึงคุณของเรา หรืออีกนัยหนึ่งว่าเราผูกมิตรกับเขาๆก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา แม้แต่คนอันธพาล เราแผ่เมตตาจิตให้ทุกๆวัน สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นมิตรกับเราจนได้



เมื่อจิตเรามีเจตนาดีต่อดวงวิญญาณทุกๆดวง ดวงวิญญาณทุกๆดวงย่อมรู้กระแสแห่งจิตของเรา เรียกว่ามนุษย์เรานี้มีกระแสธาตุไฟออกจากสังขาร เพราะเป็นพลังแห่งการนั่งสมาธิจิต วิญญาณจะสงบ ธาตุทั้ง 4 นั้น จะเสมอแล้วจะเปล่งเป็นพลังงานออกไป ฉะนั้น ผู้ที่นั่งสมาธิปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จิตแน่วแน่แล้ว โรคที่เป็นอยู่มันจะหายไป ถ้าสังขารนั้นไม่ใช่จะพังเต็มทีแล้ว คือไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย หรือว่าสังขารนั้นร่วงโรยเกินไปแล้ว ก็จะรักษาให้มันกระชุ่มกระชวยได้หรือจะให้มันสบายหายเป็นปกติดั่งเดิมได้




เจริญในธรรม


จาก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=16108&sid=d885e03346c822b13fb90294128c5e58